หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

5 steps การดูแล และ ดีท็อกผิวหน้า ลดความมัน,ลดสิว ของสาวๆ
















            สวัสดีค่ะวันนี้มาเจอกันอีกแล้วช่วงก่อนหน้านี้งานยุ่งมากเลยไม่ค่อยได้ลงรีวิวให้เพื่อนๆได้ดูกันเลยเพราะฉะนั้นวันนี้เลยจัด 5 Steps ในการดีท็อก และ ดูแลผิวหน้ามาให้เพื่อนๆได้สวยไปด้วยกัน เชื่อว่าสาวๆทุกคนต้องเคยประสบพบเจอปัญหาผิวต่างๆนาๆเพราะในทุกๆวัน เราจะต้องเจอทั้ง มลพิษ แสงแดด เครื่องสำอาง และไหนจะรอบเดือนอีก ปัญหาพวกนี้จะทำให้ผิวหน้าของเราเกิดการสะสมสารพิษ ทำให้ผิวของเรานั้นค่อยๆเสียลงทุกวัน โดยที่บางทีเราอาจจะไม่ร้ตัว แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ หน้ามัน เป็นสิว รูขุมขนกว้าง ผิวหน้าคล้ำจากแสงแดด ผิวแห้งกร้านต่างๆ และของที่จะนำมารีวิววันนี้นั้น แน่นอนว่าจะต้องทำให้สาวๆทุกคน หมดปัญหาต่างๆที่เคยเจอไปอย่างแน่นอนจ้า

วันนี้ก็มีมาแนะนำ 2 ชิ้นจากแบรนด์เดียวกันก็คือแบรด์ Skinsista นั่นเองคิดว่าหลายๆคนน่าจะเคยเห็นมาบ้างแล้ว ซึ่งแบรนด์นี้เค้าดังในเรื่องของความออนโยนของผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากดอกดงเบก หรือดอกไม้ที่เจริญเติบโตอยู่บนเกาะเชจู เกาะอันแสนบริสุทธิ์ ไร้มลภาวะ จนได้แต่งตั้งให้เป็นมรดกของโลกเลยทีเดียวนะจ๊ะสาวๆ












มาดูที่ชิ้นแรก skinsista jeju volcanic formulav detoxify facial mask foam                  
ตัวนี้เป็นสินค้าออกใหม่ของทางแบรนด์ค่ะพึ่งวางเลย นี่แหละที่อยากเอามารีวิวให้เพื่อนๆได้ดูกันในวันนี้ ><           
เค้าสามารถเป็นได้ ทั้ง cleansing gel ล้างหน้า หรือเป็น detoxify mask foam สูตรหินภูเขาไฟและถ่านไม้ไผ่ ที่จะช่วยในการดีท็อกผิวหน้าและดึงดูดสิ่งสกปรก ความมัน ที่อยู่บนผิวหน้าของเราได้อย่างล้ำลึกถึงรูขุมขน
1.เจลล้างหน้าที่ขจัดสิ่งสกปรก มลภาวะได้อย่างหมดจดในทุกๆวัน                                                   2.มาส์กโฟมออกซิเจนสูตรดีท็อกซ์ที่ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึกถึงระดับรูขุมขนพร้อมดูดซับความัน สารพิษที่สะสมลึกในผิวชั้นใน ช่วยให้รูขุมขนกระชับ พร้อมช่วยปกป้องสิวจากผิวหน้า ช่วยปรับสมดุลด้วยค่า pH 5.5 ทำให้ผิวชุ่มชื่น และช่วยควบคุมน้ำมันส่วนเกินบนผิวให้ลดลงอีกด้วย 
(ค่าเสียหายอยู่ที่ 390 บาท )












ชิ้นที่สองคือ  skinsista dongbaek white facial cream 
        เป็นครีมบำรุงผิวหน้าจากดอกดงเบกช่วยดูแลและรักษาสมดุลให้ผิวแบบครบสูตร คือ มีส่วนผสมของดอกดงเบกโดยดอกดงเบกนั้นมีสรรพคุณช่วยป้องกันการระคายเคือง การติดเชื้อ และการอักเสบของผิวหนัง อีกทั้งยังช่วยในเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเกิดริ้วรอย และเก็บกักความชุ่มชื่นให้กับผิว ช่วยให้ผิวขาว กระจ่างใส อมชมพู พร้อมลดรอยแดง รอยดำจากสิว เห็นผลใน 28 วัน นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมความมันระหว่างวัน ช่วยกระชับรูขุมขน ให้ผิวหน้าเนียนละเอียด ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย สาเหตุของการเกิดสิว และลดสิวอักเสบ และ เติมน้ำให้ผิว ชุ่มชื่นสุขภาพดี (ค่าเสียหายอยู่ที่ 690 บาท )
***งั้นไปดู steps การดูแลผิวกันเลย 
ขั้นตอนที่ 1 การเช็ดเครื่องสำอาง 
 การเช็ดเครื่องสำอางนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะเป็นการเริ่มต้นของการดูแลผิวที่ต้องทำทุกวัน สำหรับผู้หญิงที่มีการแต่งหน้าควรเช็ดเครื่องสำอางออกก่อน โดยใช้ คลีนซิ่ง นำคลีนซิ่งหยดลงบนสำลีแผ่นให้พอชุ่ม และ เช็ดบริเวณดวงตาก่อน ด้วยการแปะทิ่งไว้ประมาณ 30 วินาทีแล้วเช็ดออกด้วยการรูดสำลีลงเบาๆ และ สำหรับใครที่ใช้เครื่องสำอางประเภทRemover (กันน้ำ) แนะนำให้ใช้คลีนซิ่งสำหรับทำความสะอาดดวงตาโดยเฉพาะ จะทำให้ล้างเครื่องสำอางออกง่าย และ เป็นการถนอมดวงตามากกว่า *ค่อยๆเช็ดห้ามขยี่เด็ดขาดนะจะสาวๆดวงตาของเราจะได้ดูสว่างกระจ่างใสและไม่หย่อยคล้อยง่าย สำหรับใครที่ล้างบ้างไม่ล้างบ้างก็ระวังปัญหาผิวไว้ให้ดีนะจ๊ะสาวๆ หึหึหึ!!!




ขั้นตอนที่ 2 การล้างหน้า
สำหรับขั้นตอนนี้ก็เป็นตอนง่ายๆแต่ก็ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับเราเพราะผิวหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคน ผิวมัน ผิวแห้ง หรือ ผิวผสม โดยวันนี้โบจะเลือกใช้ skinsista jeju volcanic formulav detoxify facial mask foam เหมาะกับสาวผิวมัน ผิวผสม ตัวนี้มาใช้ล้างหน้าเพื่อเป็นการดึงความมัน สิ่งสกปกที่อยู่บนผิวหน้าของเราออกมาอย่างสะอาดหมดจด โดยการทำผิวหน้าให้เปียก บีบผลิตภัณฑ์ลงบนฝ่ามือถูให้เกิดฟองเบาๆ และ นำมาถูทำความสะอาดบนใบหน้า โดยถูวนเบาๆจนทั่ว แล้วล่างออก จะบอกว่าโฟมของเค้านิ่มละมุนมากจริงๆล้างไปก็ฟินไปถือว่าเป็นสัมพัสที่ดีเลยทีเดียว




ขั้นตอนที่ 3 การเช้ดหน้า
เราควรใช้ผ้าขนหนูที่สะอาดค่อยๆซับหน้าอย่างเบาๆอย่ารีบถู เพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยบนหน้าได้ง่าย
ควรนำผ้าที่ซับหน้าไปผึ่งแดดทุกวัน และ ควรซักทำความสะอาดทุก 2 – 4 สัปดาห์ค่ะ




ขั้นตอนที่ 4 การดีท็อกผิวหน้า 
การดีท็อกผิวหน้าของเรานั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำทุกวัน แต่ให้ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อเป็นการล้างสารพิษต่างๆออกจากผิวหน้าของเราช่วยลดปัญหาผิวต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยใช้ skinsista jeju volcanic formulav detoxify facial mask foam ตัวเดียวกันเพราะตัวนี้สามารถเป็นได้ทั้ง โฟมล้างหน้าและมาส์ก ด้วยการมาส์กทิ้งไว้ 3 นาทีแล้วล้างออก ถือว่าง่ายมากสามารถทำได้ก่อนไปทำงานหรือไปเรียน ไม่จำเป็นต้องทิ้งไว้ 15-20 เหมือนมาร์คทั่วๆไปอันนี้สะดวกมากอยากให้ได้ลองกันจริงๆใช้แล้วรู้สึกได้ Detox สะอาดเกลี้ยงหมดจดได้ทั้งความมัน แถม oxygen ยังทำให้รู้สึกผิวเปล่งปลั่งขึ้นด้วย สาวๆผิวมัน ผิวผสมต้องลองกันเลยนะดีจริงๆ




ขั้นตอนที่ 5 การทาครีมบำรุงผิวหน้า                                
ขั้นตอนนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญเราควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวของเรา โบใช้ skinsista dongbaek white facial cream  โดยบีบครีมลงหลังมือแต้มลงบนใบหน้า 5 จุด (มีรูปประกอบ) และเกลี่ยเนื้อครีมไปตามแนวรูขุมขน ด้วยความที่ skinsista dongbaek white facial cream  เป็นครีมเนื้อเจลทำให้เกลี่ยง่ายและซึมเข้าผิวได้อย่าวรวดเร็ว ไม่มันไม่เหนอะหนะเป็นผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและได้ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง (Dermatologist Tested) ว่าผลิตภัณฑ์มีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย โบใช้มาสักพักผิวหน้าดีขึ้น ขาวกระจ่างใสขึ้นจริงๆ





และนี่ก็คือผลลัพธ์ที่โบใช้ทั้ง2ตัวนี้มาระยะนึงนะคะ
รอยจุดด่างดำของสิวดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด
การเกิดสิวน้อยลง หลังจากใช้ สิวไม่ขึ้นเลยค่ะ อันนี้คือปลื้มมาก
สิวอุดตันลดลง
รูขุมขนดูเล็กลง
และ ผิวหน้าดูขาวขึ้น
เป็นสกินแคร์ที่คิดว่าสามารถใช้ได้ทุกสภาพผิวจริงๆเพราะด้วยความที่โบเป็นคนผิวผสม
คือใช้แล้วหน้าไม่ลอก ไม่แห้งตึง และ ความมันลดลงมาก คือเริ่ดดีงามจริงยอมใจ

เพียงเพื่อนๆทำตามคำแนะนำสม่ำเสมอก็จะทำให้ผิวดูสดใสสุขภาพดี ความมันหมองคล้ำลดลง และ ไม่มีสิวอีกด้วย อย่าลืมทำตามกันนะจ๊ะ

สำหรับสินค้า Skinsista สามารถหาซื้อได้ที่ร้าน Watsons ทุกสาขานะคะ
หรือเข้าปดูสินค้าได้ที่ www.facebook.com/skinsista





วันอังคารที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560

รีวิวน้ำตบปลาวาฬ น้ำตบ สูตรเร่งรัด "ตบแล้ววจบ สยบทุกปัญหาผิว"




สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เป็นการรีวิวสกินแคร์ค่ะ ซึ่งโบว์คิดว่าสาวๆทุกๆคนน่าจะมีปัญหาผิวกันเยอะแยะมากมายเลยใช้มั๊ย วันนี้เลยเอาสกินแคร์ที่ เป็นสูตรเร่งรัด ใช้ง่ายแค่ตบแล้วจบ ครบทุกปัญหาผิว 
อาจดูมีความโอเวอร์นิดนุงแต่ของเค้าดีจริงๆนะเธองั้นเราไปดูกันเลยว่าจะเด็ดดวงขนาดไหนค่ะ







ตัวนี้เค้าก็คือ OCEAN SKIN : Speedy Miracle Deep Ocean Water Essence หรือเรียกได้ว่าน้ำตบปลาวาฬ มาในขนาด 50 ml.เป็นน้ำตบที่มีส่วนผสมของ Galactomyces Ferment Filtrate สารสกัดกาแลคโตมัยเซส  หรือ พิเทร่า ที่ทรงคุณค่าและมีประโยชน์ต่อผิวช่วยผลัดเซลล์ผิวให้กำเนิดใหม่อย่างอ่อนเยาว์ ถึง 75 %  GP4G หรือ แพลงตอนใต้ท้องทะเลลึก  10 %
กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) 3 %  ซึงช่วยในการลดริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ให้เรียบเนียน ดูอ่อนวัย และยังช่วยปกป้อง ซ่อมแซมผิว ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และทำให้เซลล์ผิวเจริญเติบโตดียิ้งขึ้น รูขุมขนกระชับมากขึ้น และยังช่วยเก็บความชุ้นชื้นให้กับผิวทำให้ผิวดูมีความยืดหยุ่น และ ทำให้ผิวดูสดใสมีออร่า
ถือว่าเป็นการดีมากที่นำแพลงตอน กับ พิเทร่ามารวมเข้าด้วยกันค่ะ เพราะอย่างที่เราๆทราบกันดีว่าทั้งสองตัวนี้นั้นเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าของเราๆได้เป้นอย่างดีเลยทีเดียวค่ะ
และที่สำคัญ เค้าผ่านการทดสอบจากผลทดสอบ คุณภาพจากสถานบัน Spincontrol ประเทศฝรั่งเศส
ด้วยนะคะไม่ธรรมดาเลยใช้มั๊ยคะสาวๆ


ลักษณะของเค้าก็จะเป็นหยดใสๆเลยค่ะ 
ส่วนวิธีใช้ : หลังล้างหน้าเสร็จ ให้หยดผลิตภัณฑ์ลงบนมือประมาณ 3-4 หยด นำมาทาบนผิวหน้าจนแห้งซึมเข้าผิวใช้อุ้งมือ ค่อยๆ ตบเบาๆให้ทั่วใบหน้า ใช้ทุกเช้า-ก่อนนอน จากนั้นบำรุงผิวได้ตามปกติ 
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ง่ายมากๆแถมยังซึมเร็วด้วยค่ะ ไม่ทำให้เรารู้สึกเหนอะหนะ ถ้าใครอยากแอดว๊านก็สามารถนำมาหยดใส่บนมาร์คแล้วก็มาร์คทิ้งไว้ได้นะคะรับรองว่า ดีงามไปอีกกก






โดยปกติแล้วโบเป็นคนผิวผสมค่ะ มันช่วงทีโซนแต่ช่วงยูโซนจะมีความแห้งบ้างซึ่งก่อนหน้านี้นั้นแห้งหนักขนาดเป็นขุยแบบนี้เลยทีเดียว








หลังจากที่ได้ลองใช้ก็รู้สึกว่าผิวหน้าดูดีขึ้นค่ะ ตอนนี้ผิวไม่แห้งแล้ว รู้สึกว่ารูขุมขนดูเล็กลงค่ะ ส่วนเรื่องการลดเลือนริ้วรอยระหว่างวัย โบว์ยังไม่ทราบจริงๆ แต่สามารถช่วยลดริ้วรอยจุดด่างดำได้ค่ะ ถือว่าเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาบนใบหน้าของสาวๆอย่างเราได้ดีเลยค่ะ ถ้าเกิดใครมีปัญหาผิวก็สามารถไปหามาลองใช้กันได้นะคะทุกคน

จำหน่ายแล้วที่ : Boots, Watsons, Eveandboy, Beautymarket, Kingpower และร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ 
ข้อมูลเพิ่มเติม Website : http://www.ocean-skin.com/ 
FB : https://www.facebook.com/oceanskinofficial 
IG : https://www.instagram.com/oceanskinofficial/ 
Line id : https://line.me/ti/p/~oceanskinofficial



วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

รีวิว Pretty Story (Powder & CC Cream) คุณภาพดีแพคเกจน่ารักมาก




สวัสดีค่ะทุกคนนวันนี้มีของมาชวนให้เพื่อนๆได้เสียทรัพย์กันอีกแล้วค่ะ เพราะว่าแค่เห็นแพคเกจก็ยากเกินห้ามใจ>///<
สำหรับแบรนด์ Pretty Story เป็นแบรนด์เครื่องสำอางจากประเทศเกาหลีที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเน้นความขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ
ซึ่งวันนี้โบว์ได้ไอเท็มมาสองตัวบอกเลยว่าเด็ดดวงมากกกก นั่นก็คือ แป้ง และ ซีซี ครีม

เริ่มจากซีซีครีมก่อนนะคะ เค้ามีชื่อเต็มๆว่า Pretty Story Super CC Cream SPF 35
ตัวนี้เป็นซีซีครีมที่ เนื้อเนียนเหลี่ยง่าย บางเบา มี SPF35 ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดที่มีส่วนทำให้เกิดฝ้า มีมีส่วนผสมจากสารสกัดต่างๆ จากธรรมชาติ เช่น ไวท์อิชิโกะหรือสตรอเบอร์รี่ขาว และแอปเปิ้ลเขียว และ คลอลาเจนที่ช่วยเพิ่มความเนียนนุ่ม ทำให้ผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ คงความชุ่มชื้นให้ผิวตลอดทั้งวัน ไปดูหน้าตาของเค้ากันค่ะ



ยังคงความแพคเกจน่ารักเหมือนเดิม เป็น ซีซีที่ใช้แล้วชอบตัวนึงเลยค่ะ เพราะ เนื้อสัมผัสของเค้ามีความเกลี่ยง่ายจริงๆ ประหนึ่งว่าเรากำลังทาครีม ไม่เหมือนกับลงซีซีเลย ทำให้รู้สึกสบายและไม่หนักหน้าค่ะ
หลังจากลงตัวซีซีครีมได้ซักครู่ เค้าจะค่อยๆซึมเข้าผิวทำให้ผิวของเราเนียนขึ้น ดูเป็นเนื้อเดียวกับผิวหน้าค่ะ และ ทำให้ผิวหน้ามีความชุ้มชื้นแต่ไม่เกิดความมันแต่อย่างใดอันนี้ชอบมาก มีความรู้สึกว่าเค้าช่วยเรื่องปัญหาผิวต่างๆของเราได้ดีมาก แต่ไม่ได้เน้นการปกปิดค่ะ
ระหว่างวัน เนื้อของซีซีไม่มีการหลุดเป็นคราบๆค่ะ อันนี้ก็ชอบบบบเพราะบางทีลงรองพื้นระหว่างวันมีการหลุดลอกเพราะเนื้อร้องพื้นไม่กลืนไปกลับผิว เจอตัวนี้คือจบเลยจริงจัง ราคาแค่ 340 บาทเท่านั้นค๊าใช้น้อยใช้นาน
-----------------------------------------------------

มาต่อกันที่ไอเท็มชิ้นที่สองค่ะ
ตัวนี้ขอยกให้เป็นไอเท็มเด็ดเลยก็ว่าได้เพราะปลื้มนางมากจริงๆ เพราะเค้าคือแป้งผสมรองพื้นนั่นเองค่ะ
ชื่อเต็มๆว่า Pretty Story Luminous Powder เป็นแป้งผสมรองพื้นที่มีเนื้อเบาบางแต่สามารถปกปิด กันน้ำและกันเหงื่อ คุมความมันได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มความสว่างกระจ่างใส อย่างเป็นธรรมชาติ
มีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสีด้วยกัน คือ
- สี Pink
- สี Beige
- สี Honey ค่ะ
ไปดูกันเลยว่าปลื้มนางตรงไหนนนน





เห็นมั๊ยยยยแค่แพคเกจก็มีความดีงามอย่างล้นเหลือค่ะทุกคน สำหรับโบว์ใช้เบอร์ 03 ค่ะเพราะเป็นคนผิวสองสี
ตัวนี้ก่อนที่จะเอามารีวิวให้ได้ดูกัน ถึงขั้นมีการแอบใช้ก่อนเลยเพราะอดใจไม่ไหวจริงๆ
แพคเกจของเค้ามีความไฮโซ มีความดูดีดูแพงค่ะ กระจกด้านในบานใหญ่สะใจมากพกติดกระเป๋านี่แต่งหน้านอกบ้านได้เลยทีเดียว
พัฟที่ให้มาก็กำลังดีค่ะไม่หนาไม่บางจนเกินไปจิกแป้งขึ้นมาได้ดี
และก็ถึงกับปริ่มมากเพราะคุณภาพดีเกินคาดค่ะ เนื้อแป้งเป็นอันเดอร์โทนเหลืองทำให้เข้ากับสีผิวของสาวเอเชียอย่างเราๆ ตอนแรกที่ลองเทสก็คิดว่าเนื้อบางๆไม่น่าจะมีอะไรเยอะ พอลองบนหน้าเท่านั้นแหละ เนื้อของเค้าสามารถปกปิดได้ดีเลยทีเดียวค่ะ คือแอบตกใจเพราะเนื้อบางไม่หนักหน้าแต่ปกปิดดี
และ เวลาลงแป้งหน้านี่เนียนกริบเลยค่ะทุกคน เลิฟมากกก การควบคุมความมันถือว่าโอเคเลย อยู่ได้หลายชั่วโมงค่ะ  แต่ถ้าใครหน้ามันมากจริงๆอันนี้ก็ต้องมีเติมกันบ้างนะคะ แต่ เวลาเติมแป้งระหว่างวันก็ไม่เป็นคราบนะจ๊ะ อะไรจะดีเบอร์นั้น ดีงามพระรามแปด ของดีบอกต่อ ต้องซื้อต้องตำค่ะ ชิ้นนี้ค่าเสียหายอยู่ที่ 600 บาทค่ะ ในปริมาณ 15 กรัม ถ้าคุณภาพดีขนาดนี้บอกเลยคุ้มมาก

มาดูก่อน และ หลังใช้กันค่ะ








ดีงามใช่มั๊ยคะทุกคนน

สำหรับใครที่อยากไปหามาลองใช้ก็สามารถหาข้อมูลและติดตามได้ที่เว็บไซส์ค่ะ
http://www.prettystorykorea.com/

และขอขอบคุณ
 
ด้วยค่ะ^^

วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

swatch lipstick matte Ashley 12 เฉดสี แพคเกจพาลเทลงานถูกและดีมาอีกแล้ววว



สวัสดีค่ะทุกคนนน วันนี้มีลิปสติกมาให้สาวๆได้ดูกันอีกแล้วค่ะ ช่วงหลังๆนี้ค่อนข้างที่จะมีบ่อยนิดนึงก็อย่าพึ่งเบื่อกันนะจ๊ะ คืออะไรที่มันดีเราก็อยากจะแชร์ต่อๆๆเนอะ>,<

สำหรับแบรนด์นี้ก็เป็นแบรนด์ที่ถุกและดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรละล่ะ เชื่อว่าสาวๆหลายๆคนน่าจะเคยได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของเค้ามาบ้างไม่อะไรก็อะไร นั่นก็คือแบรนด์ Ashley นั้นเอง และที่เอาลิปตัวนี้มารีวิวคือรู้สึกว่าทางแบรนด์เค้ามีการปรับปรุงในตัวของแพคเกจสินค้าออกมาใน collection สีพาลเทล ชมพู-ฟ้า คือมันน่ารักมากกกจิงๆค่ะ
เพราะฉะนั้นสาวๆสายแบ๊ว สายหวาน สายเกา สายสะสม ต่างๆก็น่าจะอยากรู้กันบ้างว่าแต่ละสีเป็นยังไงบ้างและน่าไปหาซื้อมาลองกันขนาดไหนค่ะ ไปดูกันเลยยยยยย













          สังเกตได้ว่าทางแบรนด์ Ashley เค้าปรับปรุงในส่วนของกล่องผลิตภัณฑ์ให้ดูมีคุณภาพและเข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้นสำหรับ จขกท. รู้สึกว่าทำให้ยกระดับแบรนด์สินค้าไปในตัวด้วยค่ะ และ เมื่อมาดูแพคเกจของลิปสติกของเค้านั้นคือดีงามมมม มีความดูแพงต่างๆ เป็นสีชมพูพาลเทลเนื้อด้าน สกรีนรุ่นและชื่อของแบรนด์ รูปแบบการใช้ฟ้อนก็ถือว่ามีความทันสมัยค่ะ และที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างคือ ด้านก้นของแท่งลิปสติก ออกแบบมาให้เป็นใสๆประหนึ่งว่าเราเห็นสีของลิปด้วย ตรงนี้คือชอบค่ะน่ารักดี ดูแพง สำหรับลิปติกราคาร้อยกว่าบาทเท่านั้น แพคเกจมีความคงแทนแข็งแรงค่ะไม่ใช้พลาสติกกะโหลกกะลานะจ๊ะบอกเลยย เริ่ดไปอีก
         หลังจากแพคเกจจิ้งของนางแล้วเราก็ไปดุที่เนื้อของเค้ากันค่ะ จขหท.จะเริ่มการสวอชที่แขนก่อนนะค่ะเพื่อความชัดเจน


สีของเค้าจะเป็นสีในโทนที่สดใสๆ สายเกาหลี อะไรแบบนี้ค่ะ ซึ่งบางสีก็ถือว่าใหล้เคียงกันมากเหมือนกันนะคะเนี่ย
ไปต่อกันชัดๆกับการสวอชสี บนริมฝีปากกันค่ะ^^




















ในส่วนของเนื้อลิปสติกทางแบรนด์เค้าได้บอกมาว่า เป็นลิปสติกเนื้อแมทเนียนนกริบ สีคมชัด ติดทนนาน ไม่เป็นคราบ

พอได้ลองแล้วนั้นก็รู้สึกว่าเค้าเป็นลิปสติกเนื้อแมทที่ไม่ได้แห้งสนิทขนาดนั้นค่ะ เพราะถ้าเนื้อลิปแห้งมากๆคิดว่านะจะทำให้เป็นคราบได้ แต่ถ้าใครที่อยากได้ลุคแบบแมทสุดๆแนะนำให้ซับทิชชู่หนึ่งทีรับรองว่าแมทสุดพลังไปเลย และ เม็ดสีแน่นเกาะปากดีค่ะขนาดซับแล้วสียังคงอยู่บนปากแบบเต็มเปี่ยมมาก ถือว่าเม็ดสีแน่นเหมือนกัน เนื้อลื่นดีค่ะด้วยความที่เค้าไม่ได้เป็นเนื้อแบบแห้งสนิทเลยทำให้ทาง่าย
เวลาทาไป จขกท.ก็พึ่งสังเกตว่านางไม่มีกลิ่นใดๆเลย ไม่ได้มีกลิ่นของสารเคมีหรือกลิ่นน้ำหอม อันนี้ถือว่าทำได้ดีเพราะลิปสติกราคาถูกจะชอบมีกลิ่นของสารเคมีที่เราไม่ค่อบชอบเท่าไหร่นัก
โดยส่วนตัวแล้ว จขกท. ชอบนะคะกับการปรับปรุงต่างๆถือว่าทำออกมาได้ดีจริงๆอันนี้ขอปรบมือไห้ดังๆกับแบรนด์ Ashley ด้วยค่ะ ทั้งแพคเกจทั้งเนื้อผลิตภัณฑ์ *** แต่อยากได้เพิ่มสีที่แบบมีความอมนู๊ด หรือสีที่ออกอารมเอิร์ทโทนมาอีก เพราะ สาวๆหลายๆคนก็ชอบโทนนั้นกันนะจ๊ะ ซึ่ง จขกท. ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ5555 ถ้าผลิตมาจะมีความอยากได้อย่างรุนแรงเลยทีเดียว
 
สำหรับวันนี้ก็ลากันไปก่อนนะค๊ามีอะไรก็สามารถติชมกันได้ค่ะทุกคนบ๊ายบายยย